คนมีวัดวาอารามไว้ในฐานะเป็นของศักดิ์สิทธ์เป็นเครื่องอุ่นใจ พึ่งวัดพึ่งวา ด้วยความยึดมั่นถือมั่น ไม่เคยนึกถึงการพึ่งตนเอง ถ้ามีความคิดที่จะพึ่งวัด พึ่งวา พึ่งกันในลักษณะเช่นนี้แล้ว ก็อยู่ในลักษณะที่น่าเวทนาสงสาร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วัดวาหรือศาสนาในปัจจุบันนี้แล้ว มันยิ่งสับสนอลหม่านจนไม่มีอะไรที่จะกำหนดเป็นกฏเกณฑ์ได้ พระพุทธเจ้าท่านทรงสอนให้พึ่งตัวเอง
วันหนึ่งมีหลายชาติเราโง่ไปรู้สึกว่ามีตัวกูอย่างนั้นอย่างนี้ขึ้นมาทีหนึ่ง นั่นคือชาติหนึ่ง ไม่เกิดจากท้องแม่ดอก มันเกิดได้จากตา หู กระทบกันนี้ ตากระทบรูปเกิดวิญญาณ เกิดผัสสะ เกิดเวทนา เกิดตัณหา เกิดอุปาทาน เกิดภพ เกิดชาติได้ ไม่ต้องเกิดจากท้องแม่
กรรมอย่างวิทยาศาสตร์
ถ้าเรามองรถยนต์นี้มองเป็นเหล็ก เป็นทองแดง เป็นยาง เป็นไม้ เป็นกระจก เป็นอะไรไปอย่างนั้นไม่มองให้เห็นเป็นรถยนต์ มันก็ไม่เกิดปฏิกิริยากลับมาเป็นทุกข์หรือเป็นสุข ไม่เกิดกิเลส ไม่เกิดกรรมแล้ว
เราก็จะไม่รู้สึกมีทุกข์ หรือสุข กับ รถยนต์นั้น
ความอยากเป็นเหตุให้ทำ การกระทำเป็นเหตุให้มีผล. ทีนี้การได้ผลทำให้อยากอีก. อยากอีกมันก็ทำอีก. มันก็ได้ผลอีก แล้วมันก็อยากอีก แล้วก็ทำอีก แล้วก็ได้ผลอีก นี้ก็เรียกว่า เวียนว่ายตายเกิดแบบของพระพุทธเจ้า ไม่ต้องเอาร่างกายนี้เป็นประมาณ
พญามาร หรือซาตาน หรือเจ้าแห่งความทุกข์ หรืออะไรก็ตามนั้น ความไม่เข้าใจต่อกันและกันของคนนั้นแหละ จะสร้างมันขึ้นมา. ความไม่เข้าใจตัวเอง เป็นเหตุให้ไม่เข้าใจผู้อื่น แล้วก็ไม่เข้าใจต่อกันและกัน
ไม่มีชีวิตไหนที่แปลกจากชีวิตไหนในทางร่างกาย ก็มีชีวิตอย่างเดียวกัน คือความสดชื่นอยู่ของสิ่งที่ประกอบกันขึ้นเป็นเนื้อหนังร่างกายทั้งตัวในทางจิตใจ ก็คือความรู้สึกที่ดิ้นรนไปตามอำนาจของกิเลสตัณหาเหมือนกันหมด